ประกันรถยนต์ 2+
Uncategorized Terrence Horton  

รวมลิสต์สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องกลับมาใช้งานรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นานๆ

บทความนี้เรามีสิ่งที่ควรทำเมื่อต้องกลับมาใช้งานรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นานๆ มาฝากกัน หากใครกำลังจะเอารถที่จอกทิ้งไว้นานๆ มาใช้งานใหม่ ต้องอ่านบทความนี้กันก่อนเลย

รวมลิสต์สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องกลับมาใช้งานรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นานๆ

  • สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องกลับมาใช้งานรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นานๆ คือ จั๊มแบตรถให้ปลอดภัย  ขั้นตอนที่ง่ายที่สุดในการสตาร์ทรถที่ไม่ได้ใช้นานคือการเจั๊มแบตรถ เนื่องจากหลังจากที่ปล่อยรถทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน แบตเตอรี่รถยนต์อาจเสื่อมหรือสูญเสียประจุและพลังงานทั้งหมดไปได้ วิธีนี้จะเหมือนการเติมพลังให้กับรถยนต์ของคุณ

โดยขั้นตอนการจั๊มแบตรถให้ปลอดภัย มีดังนี้ เปลี่ยนหรือเติมของเหลวในรถยนต์ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์ออโต้ ใช้สายพ่วงข้างที่เป็นสีแดง (ขั้วบวก) เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้งานไม่ได้ จากนั้นก็นำสายพ่วงอีกข้างไปต่อกับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้งานได้ ใช้สายพ่วงข้างที่เป็นสีดำ (ขั้วลบ) เชื่อมต่อกับแบตรถที่ใช้งานได้ ส่วนปลายอีกข้างให้หนีบกับชิ้นส่วนโลหะตรงเครื่องยนต์ของรถที่แบตเตอรี่เสีย หรือหนีบตรงพื้นผิวของรถที่มีสายดิน สตาร์ทรถคันที่ใช้งานได้ ปล่อยทิ้งไว้สักสองสามนาทีเพื่อให้แบตเตอรี่ของรถอีกคันได้ทำการชาร์จพลังงาน ลองสตาร์ทรถคันที่แบตเตอรี่หมด เมื่อสตาร์ทรถติดแล้ว ให้ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออกโดยย้อนลำดับ 

  • สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องกลับมาใช้งานรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นานๆ คือ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดอาจเกิดจากแบตเตอรี่ที่หมดสภาพ ในกรณีนี้ การจั๊มแบตรถอาจไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้กับรถยนต์

โดยขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่ คือ ถอดแบตเตอรี่รถยนต์เก่าออก โดยการถอดสายขั้วลบออกจากขั้วลบ (ดูสัญลักษณ์ “-”) และถอดสายขั้วบวกออกจากขั้วบวก (สัญลักษณ์ “+”) หากคุณใช้อุปกรณ์โลหะ ไม่ควรนำอุปกรณ์ไปสัมผัสกับขั้วแบตเตอรี่เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟได้ ถอดตัวยึดแบตเตอรี่ออก จากนั้นก็ยกแบตเตอรี่ออกไปวางไว้ในที่ที่ปลอดภัย ใช้แปรงลวดเส้นเล็ก น้ำ หรือเบกกิ้งโซดาทำความสะอาดที่หนีบก่อนจะใส่แบตเตอรี่ใหม่ลงไป พยายามขจัดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากที่หนีบ ใส่แบตเตอรี่ใหม่ลงไปและยึดแบตเตอรี่ให้แน่น เชื่อมต่อขั้วบวกและขั้วลบอีกครั้ง ทดสอบรถของคุณด้วยการสตาร์ทรถหรือเปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก

และสิ่งสุดท้าย ก็คือ การซื้อประกันรถยนต์ 2+ ให้กับรถยนต์ของคุณ ซึ่งประกันรถยนต์ 2+นี้จะครอบคลุมได้มากพอๆ กับประกันชั้น 1 เลยทีเดียว ฉะนั้น หากคุณมีงบจำกัด แต่ต้องการความคุ้มครองที่เหมือนประกันชั้น 1 เราขอแนะนำประกันรถยนต์ 2+ เลย คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน